ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ 1.0 ลิตร VTEC TURBO แรงสุดๆ สะดุดตา
  • 28 Jan 2020
  • Car Drive

ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ 1.0 ลิตร VTEC TURBO แรงสุดๆ สะดุดตา

ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เจเนอเรชันที่ 5 ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้เชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะ บนเส้นทางจากอำเภอเมือง มุ่งหน้าสู่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย รวมระยะทางไป-กลับกว่า 196 กิโลเมตร ก่อนเริ่มกิจกรรมการทดสอบสมรรถนะ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ คณะสื่อมวลชนได้ร่วมรับฟังข้อมูลและรายละเอียดของการพัฒนาฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ จาก มร. ซาโตรุ อะซุมิ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนา ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ให้ข้อมูลเกี่นวกับ ฮอนด้า ซิตี้ไว้อย่างละเอียด

การออกแบบภายนอก

ดีไซน์ภายนอกของฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Standing on The Edge” ที่สะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายที่เฉียบคมต่อเนื่องรอบคัน มาพร้อมโครงสร้างตัวถังในสไตล์ Wide & Low ที่ให้ความสปอร์ตปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น ดีไซน์ภายนอกใหม่ที่สปอร์ตและสง่างาม โดดเด่นด้วย 

  • ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
  • ไฟท้ายแบบ LED
  • กระจังหน้าแบบโครเมียม
  • มือจับประตูด้านนอกแบบโครเมียม (เฉพาะรุ่น SV) และมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น V และ S)
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม
  • ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว (รุ่น SV และ V) ล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ (เฉพาะรุ่น S) และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว (เฉพาะรุ่น RS)

การออกแบบภายใน

ภายในห้องโดยสารเปลี่ยนทุกสุนทรียภาพให้กว้างขวางกว่าที่เคย ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด “Ambitious Beauty” เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย และแฝงความประณีตในทุกรายละเอียด โดยยึดหลักของฮอนด้าในการพัฒนา คือ “Man-Maximum Machine-Minimum” ด้วยการออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับสรีระ เพื่อความสะดวกสบายในทุกที่นั่งทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร มาพร้อมความหรูหราและสวยงามยิ่งขึ้น 

  • เบาะที่นั่งดีไซน์ใหม่ มีให้เลือกทั้งแบบเบาะหนังกลับ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น RS) เบาะหนัง (เฉพาะรุ่น SV) และเบาะผ้า (รุ่น V และ S)
  • ใช้เส้นสายแนวนอนเพื่อช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งและสะดวกสบายในการขับขี่
  • ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ หรือภายในสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ (เฉพาะรุ่น SV)
  • คอนโซลหน้าแบบ Piano Black (เฉพาะรุ่น RS และ SV)
  • คอนโซลกลางมาพร้อมที่วางแขนขนาดใหญ่ (เฉพาะรุ่น RS, SV และ V)
  • ช่องเก็บของตรงกลางด้านหลัง สามารถวางขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร
  • มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม (เฉพาะรุ่น RS, SV และ V)

  • มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ มาตรวัดเรืองแสงสีแดง (เฉพาะรุ่น RS) หรือสีขาว (เฉพาะรุ่น SV และ V)
  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น RS, SV และ V)

ครั้งแรกกับรุ่น RS

ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ รุ่น RS พร้อมเปลี่ยนมุมมองรถซิตี้คาร์ให้สปอร์ตหรูหรามากกว่าที่เคย ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS มาพร้อมกันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสะท้อน ความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง และดึงดูดทุกสายตาด้วยสีภายนอกใหม่ สีแดงอิกไนต์ (Ignite Red) เฉพาะรุ่น RS เท่านั้น

เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร ตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด สะดวกสบายด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5) ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20 ได้อีกด้วย สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าของเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร VTEC TURBO ประกอบด้วยเทคโนโลยีหลักๆ ดังนี้

  • ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (Direct Injection) เป็นระบบฉีดตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ด้วยปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง ส่งผลให้ได้พลังงานที่เกิดจากการเผาไหม้ที่รุนแรง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบเรียบและต่อเนื่อง
  • Dual VTC ระบบแคมชาฟท์ ที่สามารถเพิ่มหรือลดองศาของแคมชาฟท์ในการเปิดปิดวาล์วไอดีและไอเสีย เพื่อเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ และให้การขับขี่ที่ทรงพลัง ตอบสนองการขับขี่ได้รวดเร็ว ให้กำลังแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร และแรงม้า 122 แรงม้า 
  • ระบบแปรผันระยะยกของวาล์ว VTEC เป็นการแปรผันระยะยกของวาล์วไอดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประจุไอดีจำนวนมากเข้าสู่ห้องเผาไหม้ โดยจะแปรผันการทำงาน เพื่อให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ตอบสนองการขับขี่ได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ VTEC 
  • อินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ (Water-Cooled Type Intercooler) เป็นการระบายความร้อนอากาศที่มาจากการบูสท์ของเทอร์โบด้วยน้ำที่ติดตั้งมากับเครื่องยนต์ 1.0L VTEC TURBO ช่วยให้การระบายความร้อนเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและยังลดระยะทางในการประจุไอดีให้สั้นลง ส่งผลให้การตอบสนองของเครื่องยนต์รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • เทอร์โบชาร์จเจอร์และวาล์วเวสเกตไฟฟ้า เทอร์โบชาร์จทำหน้าที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น โดยมีวาล์วเวสเกตไฟฟ้าควบคุมการทำงานได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งนำพลังงาน     ไอเสียส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เชื่อมต่ออย่างสะดวกสบายด้วย Honda CONNECT

ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ครบครันด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่

  • Honda CONNECT (เฉพาะรุ่น RS) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่สามารถเชื่อมต่อรถยนต์ และทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ให้คุณและรถยนต์สามารถสื่อสารกันได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
  1. MY SERVICE สามารถตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
  2. DRIVING BEHAVIOR ที่จะบันทึกข้อมูลการขับขี่และแสดงพฤติกรรมการขับขี่ต่างๆ ที่สามารถให้แสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน  หรือรายปี
  3. WIFI สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์

* ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

  1. AIRBAG DEPLOYMENT เมื่อถุงลมทำงาน Honda CONNECT จะส่งสัญญาณแจ้งผู้ใช้งานผ่านทางแอปพลิเคชันทันที และส่งข้อความสั้นไปยังเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน นอกจากนี้ระบบจะส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าฮอนด้า เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
  2. SECURITY ALARM ช่วยแจ้งสถานะเมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก
  3. REMOTE VEHICLE CONTROL สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด รวมถึงฝากระโปรงหน้าและฝากระโปรงท้าย อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และการสั่งดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
  4. GEO FENCE & SPEED ALERT สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
  5. FIND MY CAR สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุดผ่านทางแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน

  • ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) (ทุกรุ่น)
  • ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) (เฉพาะรุ่น RS, SV, และ V)
  • ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 2 ช่อง (เฉพาะรุ่น RS และ SV)
  • ช่องจ่ายไฟสำรอง ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น RS)

เทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย 

  • โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง
  • ถุงลม 6 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น RS) ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้าง (Side Airbags) และ ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
  • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่ม       ทัศนวิสัยในการถอย โดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน ในจังหวะที่เกียร์ถูกเปลี่ยนมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง (เฉพาะรุ่น RS และ SV)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) บนพื้นถนนที่ลื่น ระบบป้องกันล้อ ล็อกช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถและหักพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านหน้า ขณะที่ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) จะช่วยกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้าและล้อหลังเพื่อให้ความสมดุลกับน้ำหนักในการบรรทุกและเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA) เป็นระบบที่ ช่วยป้องกันการลื่นไถลออกทางด้านข้าง และให้ความมั่นใจในระหว่างการขับ การเลี้ยว หรือการหยุด และให้การทรงตัวที่ดีของรถยนต์ในทุกทิศทาง
  • ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA)  ระบบจะทำหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังในจังหวะที่มีการปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรกเมื่อรถยนต์จอดอยู่บนทางลาดชัน 
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal - ESS) เป็นระบบที่ทำงานโดยอัตโนมัติ โดยสัญญาณไฟฉุกเฉินจะทำงานเมื่อมีการเหยียบเบรกกะทันหัน เป็นการแจ้งเตือนรถที่ตามมาข้างหลัง

ฮอนด้า ซิตี้ใหม่ ผมได้มีโอกาสลองขับแล้ว ถูกใจมากครับ โดยเฉพาะอัตราเร่งที่ดูเหมือนจะโดดเด่นที่สุด เมื่อกดคันเร่งลงไปเครื่องยนต์ตอบสนองทันทีแบบไม่รอรอบ ขอดีของอัตราเร่งที่ดีก็คือ เราสามารถลดอุบัติเหตุได้ขณะแซงในกรณีสองเลนสวนกัน 

ขณะขับที่ความเร็วคงที่ 40 / 80 / 90 / 100 และ 120 km/hr รอบของเครื่องยนต์จะตำ่กว่ารุ่นที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด ความเร็วที่ 90 km/hr รอบเครื่องอยู่ที่ประมาณ 1,600 รอบต่อนาที นับได้ว่าทีมวิศวกรสามารถพัฒนาเครื่องยนต์ได้ดีที่เดียว จุดนี้เองทำให้เกิดการประหยัดนำ้มันได้ดีเมื่อขับที่ความเร็วคงที่ 

ขณะความเร็วสูงที่ 140 km/hr ขึ้นไปจะเริ่มได้ยินเสียงลมปะทะกระบังลมหน้า และ กระจกมองข้าง ก็ต้องมองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ในความเป็นจริง ความเร็วที่ใช้ควรเป็นไปตามกฎหมายกำหนด ในการทดลอบครั้งนี้แอดมิน ได้ทดสอบบนถนนที่โล่งมาก และเพื่อเป็นการเก็บข้อมูลมาให้ท่านได้นำไปประกอบการตัดสินใจครับ

สุดท้าย ฮอนด้า ซิตี้ใหม่ มีเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ช่วงล่างดีเยื่ยม ห้องผู้โดยสารเก็บเสียงได้ดีไม่แพ้รถยุโรป วัสดุภายในที่ใช้ก็ดูดีเลยที่เดียวครับ แม้ระบบความปลอดภัยที่ให้มาจะน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง นิสสัน อัลเมร่า แต่ฮอนด้า ซิตี้ ตัวนี้ก็มีจุดเด่นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ควรอย่างยิ่งที่ต้องทดลองขับด้วยตัวท่านเองก่อน ครับ

http://www.autofulltravel.com

https://www.facebook.com/autofulltravel/