ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 สปอร์ตพรีเมียมซีดาน ขุมพลัง VTEC TURBO และมั่นใจทุกการขับขี่กับ Honda SENSING ทุกรุ่น เริ่มต้น 964,900 บาท
  • 09 Aug 2021
  • News

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 สปอร์ตพรีเมียมซีดาน ขุมพลัง VTEC TURBO และมั่นใจทุกการขับขี่กับ Honda SENSING ทุกรุ่น เริ่มต้น 964,900 บาท

  • จัดเต็มสำหรับทุกรุ่นย่อย ด้วยเครื่องยนต์ VTEC TURBO 1.5 ลิตร ใหม่ ที่มอบความแรงเร้าใจแต่ยังมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ยกระดับไปอีกขั้นกับระบบใหม่ Lead Car Departure Notification System (LCDN)
  • สปอร์ตพรีเมียมทุกมุมมอง ด้วยดีไซน์ประณีตทั้งภายนอกและภายใน ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย 
  • สปอร์ตโฉบเฉี่ยวอีกขั้น ด้วยรุ่น RS ดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟที่ตกแต่งพิเศษด้วยโทนสีดำรอบคัน พร้อมปลอกท่อไอเสียคู่  
  • ครั้งแรกกับ ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card มอบประสบการณ์ความสะดวกสบายสุดพรีเมียม

(กรุงเทพฯ – 6 สิงหาคม 2564) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่เจเนอเรชันที่ 11 ตอกย้ำความเป็นไอคอนของยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดาน ที่ได้รับการพัฒนาดีเอ็นเอความสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ให้ก้าวล้ำตลอด 10 เจเนอเรชันที่ผ่านมา ครั้งนี้ ฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชันที่ 11 พร้อมแล้วที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการยานยนต์อีกครั้ง

ด้วยดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง เสริมความโฉบเฉี่ยวเร้าใจด้วยรุ่น RS ดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟสไตล์สปอร์ตที่ตกแต่งพิเศษด้วยโทนสีดำรอบคัน พร้อมปลอกท่อไอเสียคู่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ถึง 3 โหมด นอกจากนี้ ในทุกรุ่นย่อย ให้ความแรงทรงพลังเร้าใจเกินใคร ด้วยเครื่องยนต์ VTEC TURBO 1.5 ลิตร ใหม่ พร้อมระบบเกียร์ CVT ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม 17.2 กม./ลิตร ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 และมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง(Honda SENSING) ที่ยกระดับไปอีกขั้นกับระบบใหม่ Lead Car Departure Notification System (LCDN) สะดวกสบายแบบเหนือกว่ากับครั้งแรกของระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย โดยพร้อมให้สัมผัสได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่ 6 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป  ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้น 964,900 บาท 

นายมาซายูคิ อิงาราชิ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ งานปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่าฮอนด้า ซีวิค เป็นยนตรกรรมที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี .. 2515 ตลอดเวลาเกือบ 50 ปี ได้รับการพัฒนาและสร้างมาตรฐานใหม่มาอย่างต่อเนื่องในทุกเจเนอเรชัน โดยได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลกด้วยยอดขายมากกว่า 27 ล้านคัน ในมากกว่า 170 ประเทศ และวันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกนอกทวีปอเมริกาเหนือที่จะเปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ซีดาน ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 ในฐานะตลาดที่มีศักยภาพสูง อีกทั้งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียอีกด้วย” 

นายโนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าฮอนด้า ซีวิค ถือเป็นไอคอนของรถซีดานที่เติบโตคู่กับสังคมไทยมาตั้งแต่ปี .. 2527 ซึ่งตลอด 37 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย รวมทั้งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยมาโดยตลอด พิสูจน์ได้จากการเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์คอมแพคท์ ด้วยยอดขายสะสมเกือบ 600,000 คัน ด้วยดีเอ็นเอความสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งในด้านดีไซน์และสมรรถนะการขับขี่ อีกทั้งครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ ส่งผลให้ล่าสุด ฮอนด้า ซีวิค สามารถครองอันดับ 1 ในเซกเมนต์ถึง 5 ปีซ้อน และในวันนี้ ผมเชื่อมั่นว่า ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 จะเข้ามายกระดับคอมแพคท์ซีดานให้เหนือกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมาอีกครั้ง ด้วยดีไซน์ที่สปอร์ตพรีเมียม ผสานสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมัน ด้วยขุมพลัง VTEC TURBO พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ที่จะมาสร้างตำนานบทใหม่ ให้สมกับเป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานที่ทุกคนรอคอย

ดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง โดดเด่นกว่าด้วยความประณีต...ในทุกรายละเอียด

ฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชันที่ 11 มาพร้อมการออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความสปอร์ตพรีเมียม โดดเด่นด้วยเส้นสายโฉบเฉี่ยวรอบคัน หรูหราในทุกมุมมองด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ มาพร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน  ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว เสาอากาศแบบครีบฉลาม ท่อไอเสียแบบคู่ และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ยกระดับความสปอร์ตในรุ่น RS ด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ RS ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอก คู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำ เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย ท่อไอเสียแบบคู่พร้อมปลอกท่อไอเสีย และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 17 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต และสะกดทุกสายตาด้วย สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS 

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มอบความสะดวกสบาย ตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียม มาพร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัย พร้อมเชื่อมต่อคุณและรถยนต์ให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่หลากหลาย*  สำหรับรุ่น RS อาทิ ใหม่ ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ดีไซน์เรียบหรู พกพาสะดวก ให้คุณล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา และ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เป็นต้น สำหรับรุ่น EL+ และ EL อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น

ขับเคลื่อนเหนือทุกจุดหมาย สู่ความสมบูรณ์แบบใหม่

ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการทำงานหลัก ดังนี้

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย และเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
  • ใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) 

พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่ครบครัน* อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)  เป็นต้น 

การขับเคลื่อนที่ไม่ใช่แค่ความแรง แต่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง 

แรงทรงพลังที่มอบความเร้าใจเกินใครกับ ขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ 4 สูบ16 วาล์ว ที่พัฒนาไปอีกขั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 17.2 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมด ได้แก่

  • ECON Mode - โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
  • Normal Mode - โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
  • เพิ่มเติมด้วย Sport Mode - โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ (เฉพาะรุ่น RS)

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย  ได้แก่

  • รุ่น RS ราคา 1,199,900 บาท
  • รุ่น EL+ ราคา 1,009,900 บาท
  • รุ่น EL ราคา 964,900 บาท 

สีภายนอก มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS พร้อมด้วย สีใหม่ สีฟ้ามอร์นิงมิสต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น EL+ และ EL และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) อีกทั้งสีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีภายใน มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีเทาเบจ ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและสีภายนอกมาพร้อมข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้ง่ายขึ้นกับ ดอกเบี้ย 2.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท เมื่อจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2564 - 31 สิงหาคม 2564 

นอกจากนี้ ยังเสริมความสปอร์ตไปอีกขั้นด้วย ชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) ที่มาพร้อมกับแนวคิด “Make the CIVIC 3F (Fashion, Function and Featured)” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก อาทิ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก ราคา 10,000 บาท แป้นวางเท้าแบบสปอร์ต ราคา 1,800 บาท คิ้วบันได LED ราคา 5,100 บาท ฝาครอบกระจกมองข้าง ราคา 1,000 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,950 บาท ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ราคา 5,250 บาท คิ้วตกแต่งกระจังหน้า ราคา 3,900 บาท คิ้วตกแต่งกันชนหลัง ราคา 5,900 บาท ไฟส่องสว่างที่เท้า ราคา 2,200 บาท เป็นต้น หรือเลือกตกแต่งในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ทั้งหมด 4 แพ็กเกจ ได้แก่ 

  • Exhaust Pipe Finisher Package ราคา 1,950 บาท ประกอบด้วย ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส 2 ชิ้น
  • Sport Package ราคา 8,900 บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า และคิ้วตกแต่งกันชนหลัง
  • Exclusive Sport Package ราคา 17,200 บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า คิ้วตกแต่งกันชนหลัง และ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
  • Modulo Aero Package ราคา 18,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง 

สัมผัส ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่ 6 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/civic ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถทดสอบสมรรถนะได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

หมายเหตุ

  • *อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น
  • สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท 
  • ราคาอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่รวม VAT 7%
  • ดูรายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้ที่ https://hondaaccess.co.th/line-up/honda-civic/

>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<

Honda Unveils “All-new 11th Generation Civic,” an Iconic Premium Sport Sedan with a Powerful VTEC TURBO Engine and Driving Confidence with Honda SENSING in All Variants, Elevates All Dimensions of Experience to Unrivaled Perfection 

  • All variants are powered by a new 1.5-liter VTEC TURBO engine that delivers thrilling performance with excellent fuel efficiency, along with Honda SENSING that takes safety to the next level with a new Lead Car Departure Notification System (LCDN). 
  • Premium sports styling from every angle with crafted exterior and interior design plus a spacious and comfortable cabin.
  • Take the sense of sportiness to the next level with the RS variant that boasts an exclusive design with black tones throughout the entire car, and a twin tailpipe with finishers. 
  • First time for the Honda Smart Key System with Honda Smart Key Card to provide a premium experience of convenience. 

(Bangkok – August 6, 2021) Honda Automobile (Thailand) Co., Ltd. has launched the all-new 11th Generation Honda Civic to epitomize its iconic premium sports sedan which has carried its unique sports DNA in design and performance through the past 10 generations. This time, the all-new 11th Generation Civic is ready to set a new benchmark for the automotive industry once again with its exterior premium sports trim from the front to the back. The enhanced sleekness of the RS variant comes with the most exclusive sporty design featuring black tones throughout the car along with a twin tailpipe with finishers. The interior is spacious yet comfortable with three driving modes to choose from. In addition, all variants are powered by a new 1.5-liter VTEC TURBO engine that takes powerful performance to the next level along with a CVT transmission, delivering a maximum of 178 PS while providing excellent fuel efficiency of 17.2 km/liter and supporting E85 fuel. It is equipped with Honda SENSING intelligent safety technology that takes safety to another level with the new Lead Car Departure Notification System (LCDN). It offers unrivaled convenience with the Honda Smart Key System with Honda Smart Key Card, included in a vehicle in this class for the first time, along with being fully equipped with cutting-edge comfort and safety technologies. The all-new 11th Generation Civic is available at Honda showrooms nationwide from August 6, 2021, with a starting price of 964,900 baht.

Mr. Masayuki Igarashi, Chief Officer for Regional Operations (Asia & Oceania) of Honda Motor Co., Ltd., and President and CEO of Asian Honda Motor Co., Ltd., said, “Introduced in 1972, the Civic is Honda’s longest-running automotive nameplate. Over the course of nearly 50 years, it has been constantly developing and setting a new standard with every generation. It is widely recognized and trusted by customers around the world with sales of more than 27 million vehicles in over 170 countries. Thailand is the first country outside of North America to launch the all-new 11th Generation Civic Sedan, as this market demonstrates high growth potential and is also an important production base in the Asia and Oceania region.”

Mr. Noriyuki Takakura, President and CEO of Honda Automobile (Thailand) Co., Ltd., said, “The Honda Civic is an iconic sedan that has evolved side by side with Thai society since 1984. Over the past 37 years, it has set a new benchmark for the Thai automotive industry and has never failed to receive positive feedback from Thai customers. This can be proven by it becoming the leader in the compact car segment, with cumulative sales of almost 600,000 units, thanks to its unique sporty DNA that has been passed down for generations both in design and driving performance. It is also equipped with functionality that meets a wide variety of needs. As a result, the Honda Civic has been ranked No. 1 in its segment for five years in a row. Today, I am confident that the all-new 11th Generation Civic will take the standard for a compact sedan to the next level, superior to all previous models in the Civic line, thanks to its premium sporty design along with powerful driving performance and fuel efficiency with its powerful VTEC TURBO engine and Honda SENSING intelligent safety technology in all variants. It will create a new legacy as the most anticipated premium sedan.”

Premium sporty design from every angle, crafted distinctly in every small detail

The all-new 11th Generation Civic comes with a simple yet premium sporty design. Distinguished by sleek lines from the front to the back, it boasts a sense of being premium in every aspect with a newly designed front grille and front bumper. It comes with projector headlights, LED Daytime Running Lights (DRLs), LED fog lights, unique LED taillights, shark fin antenna, twin tailpipes, and newly-designed alloy wheels.The RS variant takes sportiness to another level, featuring the most exclusive design from front to back. It’s distinctive with a new front grille and front bumper design with the RS emblem, LED headlights and Daytime Running Lights (DRLs), LED fog lights, LED taillights, sporty black side door mirrors, black outer door handles, black shark fin antenna, black rear spoiler with the RS emblem at the rear, twin tailpipes with finishers, and 17-inch sporty alloy wheels. The interior cabin reflects a sportier look with newly designed suede seats with red stitching, and sporty-style accelerator and brake pedals. Catch everyone’s eye with the Ignite Red Metallic color available exclusively for the RS variant.

The interior cabin is spacious, providing convenience and comfort and is exquisitely decorated with premium-grade materials as well as a wide range of cutting-edge assistive technologies connecting you and your car.* The RS variant includes a new Honda Smart Key System with Honda Smart Key Card in an elegant yet easy-to-carry design allowing you to lock and unlock your car comfortably - just keep the card with you, plus a 10.2-inch TFT Multi-Information Display, 9-inch Advanced Touch Display Audio for wireless Apple CarPlay connectivity and Siri, Wireless Charger, Remote Engine Start, automatic air conditioning with dual zones, and Honda CONNECT, a technology to connect the car that works through a smartphone application.

Premium comfort features available for the EL+ and EL variants include a 7-inch TFT Multi-Information Display, 7-inch Advanced Touch Display Audio with Apple CarPlay connectivity and Siri, Remote Engine Start, and automatic air conditioning. 

Superior driving experience for a new level of perfection

All variants come with Honda SENSING intelligent safety technology, which uses a front wide-angle camera to help detect cars and pedestrians effectively. Its main functions are:

  • Collision Mitigation Braking System (CMBS) designed to alert the driver when the potential for a collision is determined (such as a vehicle, motorcycle, bicycle, or pedestrian in front) as well as assisting to reduce speed, avoid collisions, and reduce collision severity
  • Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow (ACC with LSF)
  • Lane Keeping Assist System (LKAS)
  • Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning (RDM with LDW)
  • Auto High-Beam (AHB)
  • Newly-added Lead Car Departure Notification System (LCDN)

It also comes with a comprehensive set of advanced technology for safety* such as Honda LaneWatch, Driver Attention Monitor, Multi-angle Rearview Camera, Electric Parking Brake, Auto Brake Hold, Walk Away Auto Lock, Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder, and Rear Seat Reminder

Powerful driving performance that changes everything 

The all-new 11th Generation Civic is powered by a new 1.5-liter DOHC VTEC TURBO
4-cylinder, 16-valve engine
that delivers powerful yet thrilling driving performance beyond anyone’s expectations. Engine performance has been increased to the next level with a Turbo Charger that pumps air into the engine's combustion chambers faster to improve combustion efficiency. The engine delivers a maximum of 178 PS at 6,000 rpm and gives instant and sharpened response with maximum torque of 240 Newton-meters at 1,700 to 4,500 rpm. Combined with a Continuously Variable Transmission (CVT), it provides enhanced acceleration and excellent fuel economy of up to 17.2 km/liter. It also supports E85 fuel and has three driving modes that can be selected according to driving style:

  • ECON Mode – for fuel-efficient driving by optimizing the operation of the engine to a proper state to maximize fuel efficiency
  • Normal Mode – for general and daily driving.
  • Sport Mode – for sporty driving, meaning the car engine accelerates more readily to offer greater enjoyment when driving (exclusively for the RS variant)

The all-new Honda Civic comes in three variants:

  • RS priced at 1,199,900 baht
  • EL+ priced at 1,009,900 baht
  • EL priced at 964,900 baht 

It is available in six exterior colors: Ignite Red (Metallic) exclusively for the RS variant, two new colors, Morning Mist Blue (Metallic) exclusively for the EL+ and EL variants and Meteoroid Gray (Metallic), along with Platinum White (Pearl), Crystal Black (Pearl), and Lunar Silver (Metallic). The interior is available in two colors: Black and Greige, depending on the variant and exterior color.

A special offer makes it easier for customers to own the car, with 2.99% interest plus free 1-year car insurance and a gasoline voucher worth 5,000 baht when they reserve a car and take delivery from August 6th to 31st, 2021. 

Take the sporty look to the next level with a full set of Modulo exterior accessories created under the “Make the Civic 3F (Fashion, Function, and Features)” concept, including a Trunk Spoiler at 10,000 baht, Sport Pedal at 1,800 baht, Side Step Garnish LED at 5,100 baht, Door Mirror Skullcap at 1,000 baht, Fender Garnish at 1,950 baht, 17-inch Alloy Wheel at 5,250 baht, Front Grille Garnish at 3,900 baht, Rear Lower Garnish at 5,900 baht, and Foot Light at 2,200 baht.

Customers can also choose a set of accessories available in four packages:

  • Exhaust Pipe Finisher Package, priced at 1,950 baht, that includes two Stainless Steel Exhaust Pipe Finishers
  • Sport Package, priced at 8,900 baht, that includes a Front Grille Garnish and Rear Lower Garnish
  • Exclusive Sport Package, priced at 17,200 baht, that includes a Front Grille Garnish, Rear Lower Garnish, and Trunk Spoiler
  • Modulo Aero Package, priced at 18,500 baht, that includes Front Under Spoilers, Side Under Spoilers, and Rear Under Spoilers

Interested customers can experience the all-new 11th Generation Civic at Honda showrooms nationwide from August 6th, 2021. For more information, please contact Honda showroom sales consultants nationwide or chat with them online via www.honda.co.th, or contact the Honda 24-Hour Call Center at 0 2341 7777. For further details, visit www.honda.co.th/civic. Test drives are available at Honda showrooms nationwide.  

Remarks:

  • *Standard accessories vary according to the variant.
  • Platinum White (Pearl) costs an extra 10,000 baht and Crystal Black (Pearl) costs an extra 6,000 baht.

http://www.autofulltravel.com

https://www.facebook.com/autofulltravel/