เที่ยวนี้แอดมินจะพาบินลัดฟ้าไปเที่ยวเมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยอริยธรรมที่มีมาอย่างยาวนาน “หลวงพระบาง” มนต์เสน่ห์แห่งลุ่มนำ้โขง และ ลุ่มนำ้คาน
เริ่มจากการจองโปร 0 บาท ของค่ายแอร์เอเชีย (เข้าไปส่องดูนะ แต่ต้องมีค่าภาษีสนามบิน และ ค่านำ้มันอีกนิกหน่อย) แอดมินจองล่วงหน้าประมาณ 6 เดือนจ้า ต่อมาก็ที่พัก หาได้จาก เว็บที่ให้บริการโรงแรมที่พัก มีหลายเว็บ ให้เลือกมากมาย หลักๆ คือ เราต้องรู้ก่อน ว่าอยากพักแบบไหน งบประมาณต่อคืนเท่าไหร่ ใกล้เมืองหรือแหล่งท่องเที่ยวไหม ซึ่งเว็บที่ให้บริการโรงแรม ก้อสามารถตอบโจทย์เราได้
แอดเลือกพักที่โรงแรม My Dream Boutique Resort ข้อดีของโรงแรมนี้ คือเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนมากๆ มีสระว่ายน้ำ มีรถรับส่งจากสนามบิน( ข้อนี้สำคัญครับ คือ ตัดปัญหาในการที่เราต้องเรียกแท็กซี่ไปโรงแรม ได้ยินว่าค่าแท็กซี่ต่อครั้ง 300-500 บาท แพงเอาเรื่องเหมือนกัน) มีจักรยานให้บริการฟรีของโรงแรม มีอาหารเช้า เป็นต้น
วันแรกของการเดินทาง จากกรุงเทพฯ ถึงหลวงพระบาง ประมาณ 16.00 น. พอผ่าน พิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ควรแลกเงิน เป็นเงินสกุลลาวที่สนามบิน (100,000 กีบ ~ 390 บาท) แลกเงินไปควรจะประมาณคราวๆ ว่าจะใช้ต่อวันประมาณเท่าไหร่ครับ เวลาแลกเงินกลับ จะได้ไม่เสียค่าเรทเงินมาก แอดแลกแค่ 3,000 บาทเองนะ
มาต่อที่การซื้อซิมโทรศัพท์ ซิมที่นี่ถูก อยู่หน้าทางออกสนามบิน มีหลายร้านให้เลือก ส่วนแอกมินเอาซิมต่างประเทศมาจากกรุงเทพฯแล้ว เนื่องจากเดินทางบ่อย ก้อใช้ซิมเดิมที่เคยมี โทรไปหาที่ศูนย์ก่อนเปิดใช้ได้เลย
ออกจากสนามบิน จะมีรถจากโรงแรมมารับ พอเราเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ก้อพร้อมลุยเที่ยวกันเลย ที่เที่ยววันแรก พระธาตุพูสี ชมวิว พระอาทิตย์ตก สวยๆยามเย็นต่อด้วยตลาดมืด แล้วไปเดินชมจันทร์ที่สะพานไม้ไผ่ สุดคลาสสิก ภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆ
แว้นสองล้อ ไปเที่ยวน้ำตกตาดกวางสี
สวรรค์กลางป่า แห่ง “หลวงพระบาง"
วันที่สองเช้านี้ จะพาไปแว้นสองล้อ ไปน้ำตกตาดกวางสี สวรรค์กลางป่า แห่ง “หลวงพระบาง” โดยได้ติดต่อขอเช่ามอเตอร์ไซค์จากทางโรงแรมที่พัก ราคา 140,000 กีบ ประมาณ 550 บาท แอดต้องการความสะดวก และสามารถยืดหยุ่นเวลาส่งคืนรถได้ (เข่าร้านทั่วไป 100,000 กีบ) การเช่ามอเตอร์ไซค์ต้องถูกยึดพาสปอร์ตเป็นค่ามัดจำ ให้เช่าครั้งละ 24 ซ.ม. แต่ต้องเติมนำ้มันเองจ้า
การขับขี่ไม่ยากจำไว้เสมอว่า “เลี้ยวซ้ายแล้วชิดขวา เลี้ยวขวาแล้วชิดขวา” ผู้คนที่นี่ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่เร็ว แอดใช้เวลาในการเดินทางจากตัวเมืองหลวงพระบางไปน้ำตกตาดกวางสี ประมาณ 50 นาที ระยะห่าง 30 กม ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยต้นไม้ ภูเขา ท้องฟ้า และริมแม่น้ำโขง รถผ่านไปมาไม่พลุกพล่าน บรรยากาศแว้นได้สบายชิลๆ
ก่อนถึงน้ำตกตาดกวางสี จะมีร้านอาหารน่านั่งติดริมแม่น้ำโขง วิวสวย อยู่ด้านขวามือเป็นจุดแวะพักรับประทานอาหาร หาอะไรรองท้อง ก่อนเข้าไปชมความสวยงามของน้ำตก
น้ำตกตาดกวางสี มีจำนวนชั้นทั้งหมด 4 ชั้น มีความสูงโดยรวมประมาณ เป็นน้ำตกหินปูน แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป มีร้านอาหารให้บริการ มีห้องนำ้และห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างเพียงพอ
บริเวณด้านหน้าทางเข้าน้ำตก จะมีศูนย์อนุรักษ์ช่วยเหลือหมี เป็นแหล่งรวบรวมหมีจากการช่วยเหลือจากการค้าสัตว์ป่าในสถานที่ต่าง ๆ ของ สปป. ลาว ซึ่งค่าเข้าชมนำ้ตกตาดกวางสี 20,000 กีบ ส่วนหนึ่งจะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลหมี เหล่านี้ด้วย
พอบ่ายแก่ๆ กลับเข้าเมือง แวะไปชมวัดเชียงทอง เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2103 โดย พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโขง เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างที่สวยงามมาก จนได้รับการขนานนามว่าเป็นอัญมณีของศิลปะล้านช้าง วัดแห่งนี้ปิด 6โมงเย็น ไปเดินช่วงบ่ายๆ จะดีมากคนไม่เยอะ
หลังจากที่เราเดินทางมาถึงตอนเย็นแล้ว ก้อขี่สองล้อมาตามแผนที่ google map ไปซอยข้างๆ ตลาดมืด (ถ้าลงมาจากพระธาตุพูสี ให้เดินมาทางซ้ายมือนะ) หน้าปากซอยจะมี ตู้ ATM และ ร้านขนมครก ภายในซอยจะมีร้านขายอาหารอยู่หลายร้าน หนึ่งในนั้น จะมีร้านอาหารแบบบุปเฟต์ ซึ่งเป็นจุดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาทานกัน ราคา 15,000 กีบ หรือประมาณ 60 บาท
วันที่สาม ตื่นเช้ามาตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเส้นหลัก หน้าวัดพระธาตุพูสี หรือ พระบรมมหาราชวังหลวงพระบาง เท่านั้น แอดตักบาตรข้าวเหนียวในพื้นที่ชาวบ้านๆ ซึ่งจะมีพระมารับบาตรเป็นแถวประมาณ 20 รูป เมื่อเดินผ่านญาติโยมก็จะ ให้ศีล ให้พร ก่อนรับบิณฑบาตรจ้า บ้านๆดี
สายๆหน่อยก็แว้นต่อซิ ไปให้ทั่วหลวงพระบาง ไปชมความงดงามเกือบทุกวัด ได้ฟังเรื่องราวในอดีตที่ผู้คนแถวนั้นเล่าให้ฟัง ได้ทานส้มตำลาวของแท้แน่นอน รสชาติแสนอร่อย ร้านป้าติ๋ม ก่อนบินกลับกรุงเทพฯ จ้า